เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยรายละเอียดกลุ่มวิชาการของสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาวิชาการครอบคลุมกลุ่มวิชาการต่าง ๆ ได้แก่ 1.สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์ 2.สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ 3.สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช 4.สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา 5.สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย 6.สาขาปรัชญา 7.สาขานิติศาสตร์ 8.สาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ 9.สาขาเศรษฐศาสตร์ 10.สาขาสังคมวิทยา 11.สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ และ 12.สาขาการศึกษา

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการวิจัยเพื่อส่งเสริมและจัดสรรทรัพยากรอุดหนุนการวิจัยและพัฒนา ทั้งภาครัฐและเอกชน ครอบคลุมสาขาการวิจัยในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และการวิจัยเชิงนโยบาย โดยอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักนายกรัฐมนตรีมีฐานะเป็นนิติบุคคลที่ไม่เป็นส่วนราชการ มีคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ และสำนักกองทุนฯ ทำหน้าที่จัดสรรเงินอุดหนุนแก่หน่วยงานและคณะวิจัยและพัฒนาทั้งภาครัฐและเอกชน

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยการจัดตั้งสาขาวิชาการเพิ่มของสาขาปรัชญา โดยแบ่งเป็นสาขาปรัชญาและสาขาการศึกษา สาขาปรัชญา ได้แก่ ปรัชญา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ภาษา วรรณคดี ศาสนา สถาปัตยกรรม และศิลปะ สาขาการศึกษา ได้แก่ ศึกษาศาสตร์ จิตวิทยา บรรณารักษศาสตร์ สารนิเทศ และนิเทศศาสตร์

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสาขาวิชาการในสภาวิจัยแห่งชาติ โดยมีการจัดตั้งสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์และสาขาการศึกษาชิ้นใหม่ในสภาวิจัยแห่งชาติ

เอกสารประกอบด้วยหนังสือจากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งเรื่องคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 เห็นชอบการถวายพระราชสมัญญาพระบิดาแห่งการวิจัยไทย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ หนังสือโต้ตอบของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่องการถวายพระราชสมัญญาพระบิดาแห่งการวิจัยไทย และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการถวายพระราชสมัญญา พระบิดาแห่งการวิจัยไทย เฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550

เนื้อหา่ภายในเอกสารประกอบด้วยการนำเสนอของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และความเห็นของหน่วยงานต่างๆ เรื่องการปฏิรูประบบวิจัยของประเทศ เพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยมีการพิจารณาและลงมติเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2550 โดยคณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบมติที่ประชุมสภาวิจัยแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2550 วันที่ 15 ตุลาคม 2550 เรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูประบบวิจัยของประเทศ กับเห็นชอบให้ วช. ในฐานะองค์กรกลางด้านการวิจัยดำเนินการตามข้อเสนอการปฏิรูประบบวิจัยของประเทศ และเห็นชอบให้ วช. หารือร่วมกับสำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการนำระบบบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (National Research Project Management : NRPM) เป็นเครื่องมือบริหารกระบวนการงบประมาณการวิจัยของประเทศในภาครัฐ เพื่อนำไปสู่ความเป็นรูปธรรมของการปฏิรูประบบวิจัยของประเทศ รวมทั้งให้ วช. ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานกองทุนหน่วยงานวิจัยที่ใช้งบประมาณแผ่นดินจัดทำโครงการวิจัยให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ หรือโครงการสำคัญ (Flagship) ที่กำหนดตามแผนบริหารราชการแผ่นดิน แผนปฏิบัติราชการ 4 ปี และแผนปฏิบัติราชการ 1 ปี ทั้งนี้ ให้ วช. รับความเห็นและข้อเสนอแนะของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ วช. พิจารณาทบทวนความเชื่อมโยงของข้อเสนอการปรับปรุงระบบวิจัยของประเทศกับแนวทางในการดำเนินงานด้านการวิจัยและพัฒนาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการยอมรับแนวทางการปฏิรูประบบวิจัยดังกล่าวและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและกำหนดบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระบบวิจัยของประเทศให้มีความชัดเจน โดยการพัฒนาระบบวิจัยที่เน้นหน่วยงานหลัก (Dominant player model) เพื่อลดความซ้ำซ้อนการทำงานในระดับต่าง ๆ และให้ความสำคัญกับการปรับบทบาทของหน่วยงานวิจัยจากการที่ภาครัฐเป็นผู้วิจัยหลักไปสู่บทบาทการเป็นผู้เอื้ออำนวย และเร่งให้ภาคีการวิจัยจากทุกภาคส่วนดำเนินการวิจัยและพัฒนา พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคีวิจัยจากทุกภาคส่วนเข้ามีส่วนร่วมในงานวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ และตอบโจทย์ปัญหาที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น และความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้ วช. พิจารณาทบทวน ปรับปรุง/แก้ไข กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดขอบเขตการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยเพื่อลดความซ้ำซ้อนให้เกิดความเป็นเอกภาพในการปฏิบัติงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยระเบียบวาระการประชุมคณะกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ ครั้งที่ 10/2544 ซึ่งมีทั้งหมด 5 วาระการประชุม ได้แก่ 1.เรื่องที่ประธานฯ จะแจ้งต่อที่ประชุม 2.เรื่องรับรองรายงานการประชุมฯ ครั้งที่ 9/2544 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2544 3.เรื่องเสนอพิจารณา 4.เรื่องสืบเนื่องเพื่อพิจารณา 5.เรื่องเสนอเพื่อทราบ โดยมีผู้มาประชุมจำนวน 17 ท่าน ผู้ไม่มาประชุม 2 ท่านเมื่อวันพุธที่ 17 ต.ค. 2544 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร 5 ชั้น สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เขตจตุจักร

เนื้อหาในเอกสาร การประชุมสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2541 ในวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน เวลา 9.30 น. ณ ห้องประชุม 3 อาคาร 5 ชั้น สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ประกอบด้วยเอกสารผลการดำเนินงานของ วช. ประจำเดือน สิงหาคม 2542 ได้แก่ แผนงานบริหารการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แผนงานเสริมสร้างสมรรถภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แผนงานสนับสนุนการวิจัย

เนื้อหาภายในเอกสารเป็นการสรุปสาระสำคัญมติครม. ที่เกี่ยวข้องในเรื่องการไปศึกษาดูงานหรือไปประชุมต่างประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495-2532

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยการกำหนดให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวัน "นักประดิษฐ์" เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้ทรงประดิษฐ์คิดค้น "เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย" ซึ่งทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรการประดิษฐ์ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2536

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยการสำรวจการวิจัยเพื่อทราบกิจกรรมวิจัยของประเทศไทย เพื่อป้องกันการวิจัยซ้ำกัน

เนื้อหาในเอกสารเป็นประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานสภาวิจัยแห่งชาติ

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยการใช้ชื่อภาษาไทยของกลุ่มวิชา Technicians in Museums and Similar Respositories ว่าควรใช้ชื่อ "วิชาเทคนิคพิพิธภัณฑ์และภัณฑาคาร" หรือ "กลุ่มวิชาสำหรับช่างเทคนิคพิพิธภัณฑ์และภัณฑาคาร"

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยการแสดงความยินดีกับดร.สุวิทย์ วิบูลย์เศรษฐ์ ที่ได้รับรางวัล “สุรินทราชา 2563” สาขานักแปลของสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย ในงานวันนักแปลและล่าม ครั้งที่ 14

เนื้อหาในเอกสารเป็นการรวบรวมข้อมูล เอกสาร หนังสือที่เกี่ยวกับผลงานต่าง ๆ ของ ดร.ตั้ว ลพานุกรม ระหว่างปี พ.ศ. 2473-2484 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มเข้ารับราชการจนถึงแก่อนิจกรรม ดร.ตั้ว ลพานุกรม เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพยายามจัดตั้งสภาวิจัยแห่งชาติ และสถาบันการวิจัยวิทยาศาสตร์ รวมถึงเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ ด้วยการออกหนังสือพิมพ์วิทยาศาสตร์ และ Thai Science Bulletin นอกจากนั้น ยังได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสั่งราชการกระทรวงการเศรษฐกิจ มีบทบาทในการส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองในประเทศไทย เพื่อเป็นแหล่งอาหารโปรตีนให้กับคนไทยด้วย

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยประวัติของนายสมปรารถนา สุขทวี รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ โดยมีหัวข้อต่าง ๆ ได้แก่ ประวัติการทำงาน ประวัติการเป็นวิทยากร ประวัติการศึกษา และสถานที่ติดต่อ

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วย

ข้อกำหนดจรรยาบรรณการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ให้เพิ่มเติมข้อ 11 ผู้ใช้สัตว์ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ และผู้ผลิตสัตว์ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณในข้อ 4 (6) อย่างเคร่งครัด

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติซึ่งมีบางเรื่องเกี่ยวกับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น เช่น ประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่อง รางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ : รางวัลผลงานวิจัย ประจำปี 2549

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติซึ่งมีเอกสารบางเรื่องเกี่ยวกับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น เช่น ประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางในการดำเนินงานทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลด้านการวิจัย

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับรางวัลนักวิจัยดีเด่น เช่น ประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่อง การเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2550 ประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่อง รางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ : รางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2549

ระบบการรับรองคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประกอบด้วย 5 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานที่ 1 โครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการจริยธรรมวิจัยในมนุษย์ มาตรฐานที่ 2 ปฏิบัติสอดคล้องกับนโยบายเฉพาะ มาตรฐานที่ 3 วิธีการพิจารณาทบทวน มาตรฐานที่ 4 วิธีการปฏิบัติหลังให้ความเห็นชอบ และมาตรฐานที่ 5 การจัดการเอกสารและการเก็บรักษาเอกสาร รวมถึงการแบ่งระดับการรับรองคุณภาพออกเป็น 3 ระดับ

ระบบการรับรองคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ประกอบด้วย 5 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานที่ 1 โครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ มาตรฐานที่ 2 ปฏิบัติสอดคล้องกับนโยบายเฉพาะ มาตรฐานที่ 3 วิธีพิจารณาทบทวน มาตรฐานที่ 4 วิธีการปฏิบัติหลังให้ความเห็นชอบ และมาตรฐานที่ 5 การจัดการเอกสารและการเก็บรักษาเอกสาร รวมถึงการแบ่งระดับการรับรองคุณภาพ

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยชีวประวัติของ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประดิษฐ์ เชี่ยวสกุล เช่น ประวัติส่วนตัว ประวัติและผลงาน เป็นต้น พร้อมภาพประกอบ

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตหน้าที่และอำนาจ การจัดระเบียบบริหารราชการของกระทรวง เพื่อให้การบริหารจัดการในระดับต่าง ๆ ของกระทรวงมีเอกภาพ

เนื้อหาในเอกสารเป็นพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกอบด้วย 4 หมวด และบทเฉพาะกาล มี 80 มาตรา โดยใน 4 หมวดประกอบด้วย หมวด 1 สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ หมวด 2 คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หมวด 3 การกำกับดูแล หมวด 4 กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

เนื้อหาในเอกสารเป็นพระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2507 ประกอบด้วย 23 มาตรา โดยแก้ไขจากพระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. 2502 เพื่อกำหนดหน้าที่ของสภาวิจัยแห่งชาติและสำนักงานสภาวิจัยแห่งชาติให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ มีการระบุในมาตรา 6 ว่า สภาวิจัยแห่งชาติมีหน้าที่เกี่ยวกับการวิจัยตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย และพิจารณาข้อเสนอของสำนักงานสภาวิจัยแห่งชาติแล้วทำความเห็นเสนอต่อคณะรัฐมนตรี กับมีหน้าที่เสนอความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีในกิจการเกี่ยวกับการวิจัยตามที่นายกรัฐมนตรีขอให้พิจารณา ขณะที่สำนักงานสภาวิจัยแห่งชาติมีหน้าที่ 1. เสนอแนะแนวนโยบายและโครงการส่งเสริมการวิจัยซึ่งเห็นสมควรเสนอคณะรัฐมนตรีต่อสภาวิจัยแห่งชาติ 2. พิจารณาจัดตั้งสาขาวิชาการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นจากที่ระบุไว้ในมาตราที่ 17 แล้วเสนอต่อสภาวิจัยแห่งชาติ 3. พิจารณาวิธีการหาทุนบำรุงการวิจัยและเสนอแนะสภาวิจัยแห่งชาติเพื่อให้ได้มาซึ่งทุนเพื่อการวิจัย 4. เสนอรายงานประจำปีเกี่ยวกับผลงานการวิจัยต่อสภาวิจัยแห่งชาติ 5. ส่งเสริมและจัดให้มีการวิจัยและสถาบันวิจัย 6. ประสานงานวิจัยของสาขาวิชาการต่าง ๆ 7. ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยส่วนราชการและส่วนบุคคล 8. จัดให้มีทะเบียนนักวิจัยและผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาการต่าง ๆ 9. มอบหมายให้ผู้รับมอบปฏิบัติการเฉพาะอย่างเกี่ยวกับการวิจัย 10. พิจารณาจัดตั้งงบประมาณเกี่ยวกับการวิจัย 11. จัดสรรเงินอุดหนุนและเงินรางวัลเกี่ยวกับการวิจัย 12. ติดต่อและส่งเสริมการร่วมมือกับสถาบันการวิจัยและนักวิจัยในต่างประเทศ 13. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสภาวิจัยแห่งชาติ หรือ สำนักงานสภาวิจัยแห่งชาติ

เนื้อหาในเอกสารเป็นพระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. 2499 ประกอบด้วย 16 มาตรา มีใจความสำคัญเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ อำนาจหน้าที่ คณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ และรายได้ โดยวัตถุประสงค์ของสภาวิจัยแห่งชาติ มีด้วยกัน 7 ข้อได้แก่ 1. เสนอแนวนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการส่งเสริมการวิจัย และการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ต่อคณะรัฐมนตรี 2. ทำการวิจัยและส่งเสริมการวิจัยกับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เพื่อประโยชน์แห่งความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และสวัสดิการของประชาชน 3. ประสานงานเกี่ยวกับการวิจัย 4. จัดให้มีขึ้นซึ่งสถาบันการวิจัย 5. ส่งเสริมและคุ้มครองสถาบันการวิจัยที่ดำเนินการเป็นเอกเทศ 6. จัดให้มีขึ้นซึ่งทะเบียนบุคคลผู้เป็นนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และ7. ให้ความร่วมมือแก่การวิจัยระหว่างประเทศ

เนื้อหาในเอกสารเป็นพระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. 2502 ประกอบด้วย 24 มาตรา โดยให้ยกเลิกพระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. 2499 มีใจความสำคัญเกี่ยวกับหน้าที่ กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ รายได้ และสาขาวิชาการ ซึ่งมีด้วยกัน 10 สาขา ได้แก่ 1. วิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์ 2. วิทยาศาสตร์การแพทย์ 3. วิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช 4. เกษตรศาสตร์และชีววิทยา 5. วิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย 6. ปรัชญา 7. นิติศาสตร์ 8. รัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ 9. เศรษฐศาสตร์ และ 10. สังคมวิทยา

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยหน้าที่ของสภาวิจัยแห่งชาติ เช่น (1)เสนอแนะแนวนโยบายและโครงการส่งเสริมการวิจัยต่อคณะรัฐมนตรี (2)ส่งเสริมและจัดให้มการวิจัยและสถาบันการวิจัยตามมติคณะรัฐมนตรี (3)ประสานงานการวิจัยของสาขาวิชาการต่าง ๆ เป็นต้น

ระบบการรับรองคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ประกอบด้วย 5 มาตรฐาน รวมถึงเกณฑ์การพิจารณาคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ นอกจากนี้ยังมีวิธีการตรวจประเมินเพื่อรับรอง ขั้นตอนการรับรอง NECAST ระดับ 1-3 และวิธีการตรวจติดตามหลังการรับรอง

เอกสารเป็นหนังสือแจ้งเรื่อง ระเบียบสำนักงานสภาวิจัยแห่งชาติว่าด้วยการส่งเสริมการวิจัยของชาวต่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. 2509 จากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2509 มีใจความสำคัญว่า คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2509 ลงมติเห็นชอบระเบียบสำนักงานสภาวิจัยแห่งชาติว่าด้วยการส่งเสริมการวิจัยของชาวต่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. 2509 ของสภาวิจัยแห่งชาติ และให้กระทรวงทบวงกรมและองค์การต่าง ๆ ให้ความร่วมมือและถือเป็นหลักปฏิบัติต่อไป

เนื้อหาของเอกสารประกอบไปด้วยรายงานการประชุมระหว่าง กนบ. และ กวค. เกี่ยวกับการพิจารณาสรรหารายชื่อกรรมการสาขาวิชาการเพิ่มใหม่ของสภาวิจัยแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2540 วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2540 โดยมีแนวทางการสรรหารายชื่อ คือ 1.เป็นผู้ที่มีเวลามาประชุม 2.เป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มวิชานั้น 3.เป็นผู้มีประสบการณ์ 4.เป็นผู้ที่ควรมีตำแหน่งทางวิชาการระดับศาสตาจารย์ หรือรองศาสตราจารย์ (กรณีที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย) 5.ไม่ควรเป็นผู้บริหาร 6.ควรพิจารณารายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญจากฝ่ายทหาร 7.กรณีกรรมการจากหน่วยงานระดับกรม/คณะ ให้เสนอเพียงหน่วยงานละ 1 ท่าน 8.ขอให้สรรหารายชื่อกรรมการสาขาฯ ให้ครบทุกกลุ่มวิชาการ